, ,

กินกบตัวนั้นซะ : 21 วิธีหยุดการผัดวันประกันพรุ่ง

This Book in 3 Sentences

  1. ตั้งเป้าหมายชีวิตให้ชัดเจนและเป็นแง่บวก
  2. ลำดับชีวิตให้ถูกต้องและลงมือทำสิ่งที่ช่วยให้เป้าหมายเราสำเร็จก่อน
  3. ตัดหรือลดสิ่งที่ทำให้เสียสมาธิออกซะ โดยเฉพาะเครื่องมือสื่อสาร

Summary

หนังสือเล่มนี้เขียนโดย Brian Tracy ซึ่งเป็นนักเขียน นักพูด และนักฝึกอบรมด้านการพัฒนาตนเองค่ะ มีผลงานเขียนหนังสือเยอะมาก ทั้งหนังสือ Goals, Create Your Own Future และ Change Your Thinking Change Your Life

Eat That Frog พูดถึงวิธีการบริหารเวลาให้คุ้มค่าที่สุด และพูดถึงวิธีการที่จะทำให้ทำงานให้เสร็จ โดยใช้ “กบ” เป็นตัวสื่อถึงงานสำคัญที่ยาก ที่เรามักไม่อยากทำกัน แต่การกินกบตัวนั้นเป็นสิ่งแรกในเช้าของแต่ละวันนั้นเหมือนเป็นการก้าวผ่านสิ่งที่ยากและท้าทายที่สุดของวันไปแล้ว เราก็ไม่ต้องกังวลกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป แถมยังมีพลัง ความภูมิใจในการใช้ชีวิตด้วย

แต่การกินกบเราต้องกินกบให้ถูกตัวด้วย Brian Tracy สอนให้เรากินกบตัวที่น่าเกลียดที่สุด ก็คือกบตัวที่ใหญ่ที่สุด ยากที่สุด และสำคัญที่สุดอันดับแรกของการเลือกกบคือการดูที่เป้าหมายของเราก่อนว่า เรามีเป้าหมายในการใช้ชีวิตอย่างไร เพื่อที่จะเลือกทำแต่สิ่งที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จ

วิธีการเขียนเป้าหมาย

  • เขียนเป้าหมายลงบนกระดาษเพื่อความชัดเจน เคยมีวิจัยว่าการเขียนเป้าหมายที่ชัดเจนทำให้คนประสบความสำเร็จได้มากกว่า
  • เขียนในรูปปัจจุบันเหมือนว่าเราได้ทำมันสำเร็จแล้ว เช่น เป้าหมายของปี 2013 คือการเก็บเงินให้ได้ 1ล้าน เราก็ต้องเขียนว่า “ฉันมีเงิน 1ล้านบาทในวันที่ 31 ธันวาคม 2013” เป็นต้น
  • ใช้คำพูดในแง่บวก
  • เขียนโดยใช้สรรพนามบุรุษที่ 1 ว่า “ฉัน” อย่างโง้นอย่างงี้
  • (เติมเองว่า) ระบุชัดเจน วัดได้ เช่น ถ้ามีเป้าหมายคือลดน้ำหนักก็ให้เคยเลยว่า “ฉันน้ำหนัก 50 กิโลกรัมในวันที่ xxx” เป็นต้น
  • ได้แล้วก็เลือกมา 1 ข้อที่จะทำให้เกิดผลดีที่สุดต่อชีวิต

เมื่อเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้วเราก็จะรู้ว่าเราจะต้องทำอะไรต่อไปบ้างเพื่อให้เราไปถึงเป้าหมายที่เราวางไว้ ให้เราใช้เวลานิดหน่อยในแต่ละวันก่อนนอนวางแผนเลยว่าวันพรุ่งนี้เราต้องทำอะไรบ้าง การวางแผนไว้ก่อนนอนมีข้อดีที่ทำให้เวลาเราตื่นนอนมาก็จะมีความเข้าใจ มีความคิดไอเดียที่จะทำงานนั้นได้มากขึ้นเพราะสมองเรารู้ว่าวันพรุ่งนี้เราจะทำอะไร เวลาเรานอน สมองมันไม่ได้หยุดไปด้วยมันก็จะคิดอะไรของมันไป บางทีตื่นขึ้นมาเราอาจจะปิ๊งได้ไอเดียขึ้นมาเลยก็ได้

ใช้กฎ 80/20 หลักการพาเรโต

งาน 20% ของงานทั้งหมดจะทำให้เกิดผลลัพท์ 80% ของผลลัพท์ทั้งหมด ดังนั้นก่อนที่เราจะทำงานให้เราดูก่อนว่างานนี้ทำให้เกิดผล 80% ต่อรึเปล่าชีวิตการงานหรือเป้าหมายในชีวิตของเรารึเปล่า

ใช้หลัก ABCDE ในการจัดลำดับความสำคัญ

โดยงาน A เป็นงานที่สำคัญที่สุด B เป็นงานที่ควรทำ C คืองานที่ทำได้ก็ดี D เป็นงานที่ให้คนอื่นทำแทนได้ E คือช่าง(งาน) มันเถอะได้ เมือเรารู้ว่างานเราอยู่ในหมวดไหนบ้างแล้วก็ให้ความสำคัญกับงานที่อยู่ในประเภท A ก่อนเลย

“ทำไมบริษัทถึงจ้างฉัน”

สำหรับพนักงานบริษัทวิธีการที่จะทำให้เรารู้ว่าเราควรเลือกทำงานไหนก่อนได้นั้นก็คือการถามคำถามกับตัวเองว่า “ทำไมบริษัทถึงจ้างฉัน” คำตอบก็คือหน้าที่หลักที่เราต้องทำและให้ความสำคัญ ซึ่งมักเป็นงานที่จะให้ผลกับเรามากที่สุดเช่นกัน

พอเลือกงานที่เราควรทำเป็นอย่างแรกได้แล้ว ก็ถึงเวลาที่เราต้อง “ทำ” ส่วนใหญ่คนมาตกม้าตายกันตรงนี้แหล่ะเนอะ Brian Tracy ก็แนะนำว่า ก่อนทำก็ให้เตรียมทุกอย่างที่ต้องใช้ในการทำงานให้เรียบร้อย ทำโต๊ะให้สะอาดๆ เบอร์โทรหรือของอะไรที่ต้องใช้ก็เอามาไว้ใกล้ๆ เตรียมไว้ให้พร้อม แล้วก็ค่อยๆ ทำไป

หั่นงานเป็นชิ้นๆ

งานที่เป็นโปรเจคใหญ่ หรืองานชิ้นใหญ่เราก็หั่นมันเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วค่อยๆ ทำไปทีละชิ้น วิธีการนี้จะทำให้เราทำงานได้เยอะมากขึ้นเพราะเราจะรู้สึกว่า นิดเดียวเดี๋ยวก็ทำเสร็จแล้ว พอทำเสร็จเรารู้สึกดี มั่นใจขึ้นเราก็ทำชิ้นเล็กชิ้นอื่นๆ ต่อไปได้จนหมด

หาช่วงเวลาที่ทำงานได้ดีที่สุด

คนเราไม่เหมือนกัน บางคนอาจชอบทำงานตอนเช้าๆ เงียบๆ บางคนชอบทำงานตอนเย็นๆ เราก็ต้องดูว่าเราชอบทำตอนไหน เวลาไหนที่ทำแล้วได้ผลมากที่สุด เราก็เลือกเอางานยากๆ ไปทำในช่วงนั้นค่ะ และควรกำหนดช่วงเวลาที่ชัดเจนในการทำงานด้วยนะคะ

ปิดอุปกรณ์สื่อสารบ้าง

เราไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่างในโลกนี้ก็ได้นะ ข่าวสารไหนที่มันสำคัญจริงๆ เดี๋ยวก็มีคนมาบอกเราเองแหล่ะ เหมือนอีเมล์ถ้าเมล์ไหนสำคัญจริงๆ ก็จะมีคนมาติดต่อเรามาอีกทีเองแหล่ะ

มุ่งมั่นและจดจ่อในการทำงาน

การทำงานแบบทำๆ หยุดๆ อาจยืดระยะเวลาในการทำงานออกไปถึง 500% เพราะเราต้องคอยมาทบทวนสิ่งที่เราทำมาแล้ว ดังนั้นการที่เรา Focus กับงานให้เสร็จไปทีละอย่างนั้นจะประหยัดเวลาของเราได้มากกว่า

สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องไม่มีเวลาให้ที่บ้าน ไม่มีเวลาทำงาน ไม่มีเวลาๆ บลาๆๆๆ จริงๆ แล้วคนเราก็มีเวลาเท่ากันนั่นแหล่ะ หนังสือ Eat that frog ของ Brian Tracy น่าจะช่วยได้บ้างนะคะ

Updated 2 years ago